ภาษาอังกฤษพิงกุ

 

ทักษะภาษาอังกฤษ  (รวมภาพกิจกรรม)  คลิ๊กที่นี....^^

*  หลักสูตรภาษาอังกฤษพิงกุมีวัตถุประสงค์   ดังนี้

๑.  เพื่อให้เด็กรู้จักคำศัพท์ภาษาอังกฤษพื้นฐานที่เหมาะสมกับวัย

๒.  เพื่อฝึกทักษะการฟังภาษาอังกฤษที่เหมาะสมกับวัย

๓.  เพื่อฝึกทักษะการพูดคำศัพท์  วลี และประโยคภาษาอังกฤษเบื้องต้น

๔.  เพื่อฝึกทักษะการเขียนพยัญชนะภาษาอังกฤษ

๕.  เพื่อเตรียมความพร้อมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ

๖.  เพื่อสร้างเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน

๗.  เพื่อให้เด็กเรียนรู้อย่างมีความสุข

 

 

*    หลักสูตรภาษาอังกฤษพิงกุ  เป็นนวัตกรรมการสอนภาษาอังกฤษสำหรับเด็กปฐมวัย  โดยมีลักษณะสำคัญ  ๕  ประการ  คือ

    ๑.  การนำทฤษฎีพหุปัญญามาเป็นยุทธศาสตร์ในการจัดกระบวนการเรียนรู้ของเด็กในหลักสูตร

    ๒.  ขั้นตอบการสอนที่เป็นระบบและชัดเจน  ๔  ขั้นตอน  คือ  ขั้นนำกิจกรรม  ขั้นดำเนินกิจกรรม  ขั้นขยายประสบการณ์  ขั้นทบทวนและประเมินผล  แต่ละขั้นมีความเชื่อมโยงสัมพันธ์กัน  ทำให้เด็กเรียนรู้เต็มศักยภาพอย่างมีความสุข

    ๓.  เนื้อหาสาระมีการจัดเป็นหน่วยการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับชีวิตประจำวันของเด็ก  และจัดเรียงลำดับจากง่ายไปยาก  และเน้นย้ำซ้ำทวนสม่ำเสมอในลักษณะบันไดวน

    ๔.  ระบบการวัดและประเมินผลที่เป็นการประเมินตามสภาพจริง (Authentic Assessment) ด้วยเครื่องมือและวิธีการที่หลากหลาย ทั้งก่อนการเรียนรู้ ระหว่างการเรียนรู้ และหลังการเรียนรู้

    ๕.  การบริหารจัดการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาครูในโรงเรียนให้มีทักษะและความสามารถในการสอนภาษาอังกฤษอย่างมีประสิทธิภาพตรงตามจุดหมายของหลักสูตร

* นวัตกรรมที่ ๑ การนำทฤษฎีพหุปัญญามาเป็นยุทธศาสตร์ในการจัดกระบวนการการเรียนรู้ของเด็กในหลักสูตร  ได้แก่  การเรียนรู้ด้านการเคลื่อนไหว  ด้านดนตรี  ด้านตรรกะและคณิตศาสตร์  ด้านความเข้าใจตนเอง  ด้านมนุษยสัมพันธ์  ด้านมิติสัมพันธ์  ด้านความเข้าใจธรรมชาติ  และด้านภาษา

* นวัตกรรมที่ ๒ ขั้นตอนการสอนที่เป็นระบบและชัดเจน  ๔  ขั้นตอน  คือ

          ๑.  ขั้นนำกิจกรรม  Introduction  หมายถึง  ขั้นจัดกิจกรรมแนะนำ  Core  Language  โดยผ่านเรื่องราวพิงกุใน DVD Episode  นักเรียนจะได้ดูเรื่องราวการผจญภัยของพิงกุ  ได้ฝึกจินตนาการทางภาษาผ่านเรื่องราว  แล้วสร้างเป็นภาษาของตนเอง  จากนั้นสอดแทรกคำศัพท์ผ่านเรื่องราวในบทเรียนเพื่อให้นักเรียนเข้าใจภาอย่างเป็นธรรมชาติ  ได้รู้จักคำศัพท์ใหม่ในบทเรียนโดยผ่านตัวพิงกุ  และทำกิจกรรมต่าง ๆ ตาม DVD  โดยมีครูทำหน้าที่เป็นผู้แนะนำกิจกรรมต่าง ๆ ให้กับนักเรียนอีกครั้ง  เพื่อให้นักเรียนเข้าใจและมั่นใจในการทำกิจกรรมภายในระยะเวลาที่เหมาะสม  กิจกรรมย่อยในขั้นนี้ได้แก่  แนะนำคำศัพท์  เพลง  ทำแบบฝึกหัด  ฝึกการเขียน และทบทวนคำศัพท์ในบทเรียน

          ๒.  ขั้นดำเนินกิจกรรม  Expansion  หมายถึง  การจัดกิจกรรมการสอนโดยนำ  คำศัพท์  จากขั้นนำกิจกรรมมาใช้จัดกิจกรรมใน Study  book  เป็นหลัก  โดยครูจะเป็นผู้นำกิจกรรมในการทำแบบฝึกหัดทั้งหมด  นอกจากนี้ครูจะนำสื่อการเรียนรู้อื่น ๆ มาใช้ ได้แก่  Teacher’s Flashcard, Pinguland  Mat, song CD และ Figurines มาจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับคำศัพท์  วลี  ประโยค  ในหน่วยการเรียนรู้นั้น ๆ ให้กับนักเรียน  เพื่อเน้นย้ำซ้ำทวนให้เด็กแม่นยำในภาษายิ่งขึ้น

          ๓.  ขั้นขยายประสบการณ์ Consolidation  หมายถึง  การจัดประสบการณ์ให้เด็กได้ใช้ภาษาอังกฤษและเล่นกิจกรรมที่สัมพันธ์กับความรู้ในบทเรียนในรูปฐานกิจกรรม  (Work  Stations)  ทั้งเรียนด้วยตนเอง  เรียนเป็นคู่ หรือเรียนเป็นกลุ่ม  ตัวอย่างกิจกรรม   กิจกรรมเพลง  กิจกรรมคอมพิวเตอร์ กิจกรรมเกมจากบัตรภาพ  กิจกรรมกระบะทราย กิจกรรมการทำแบบฝึกหัด  กิจกรรมบทบาทสมมติ  กิจกรรมงานประดิษฐ์และงานศิลปะ  ซึ่งกิจกรรมทั้งหมดจะสัมพันธ์กับวัตถุประสงค์ในหน่วยการเรียนรู้นั้น ๆ และทฤษฎี MI  โดยมีครูเป็นผู้แนะนำสังเกต  และบันทึกพฤติกรรมนักเรียนระหว่างการทำกิจกรรมต่าง ๆ 

          ทั้งนี้ จำนวนกิจกรรมที่จัดประมาณ ๔-๕  กิจกรรมในหนึ่งชั่วโมง  โดยคุณครูจะเป็นผู้เลือกจัดให้เหมาะสมกับเด็กโดยเปลี่ยนกิจกรรมทุก ๆ หน่วยการเรียน

          ๔. ขั้นทบทวนและประเมินผล  Review and Assessment  หมายถึง การจัดกิจกรรมภาษาความรู้ในบทเรียน  โดยผ่านกิจกรรมในรูปแบบฐานกิจกรรมเหมือนกับขั้นขยายประสบการณ์ โดยครูจะทำหน้าที่สังเกตและบันทึกพฤติกรรมนักเรียนระหว่างที่ทำกิจกรรมในฐานต่าง ๆ 

          ๕.  นวัตกรรมที่ ๓  เนื้อหาวิชามีการจัดเรียงลำดับจากง่ายไปยากและเน้นย้ำซ้ำทวนสม่ำเสมอในลักษณะบันไดวนหลักสูตรภาษาอังกฤษพิงกุเป็นรูปแบบหลักสูตรที่ใช้ Topic เป็นฐาน (Topic-Based  Curriculum) โดยจัดเนื้อหาสาระเป็น Topic ต่าง ๆ จำนวน 12 Topic  ในแต่ละ Level  ดังนี้

          ระดับ ๑  ประกอบด้วย  Greetings, Family, Toys, Food, At Home, Numbers, Acton Words, Colors, The Body, Animals, Action Words และ At School

          ระดับ ๒  ประกอบด้วย  Polite  Experssions, Feelings, A New  scooter  Food,  Daily  Routines,  Numbers,  Action  Words,  Colors  and  Shapes, Being  Sick, Camping,  Action Words  และ Learning  form  Friend

          ระดับ ๓ ประกอบด้วย  Polite  Experssions,  Family  and  Friends,  Pingu  and  the  Party,  Fruit,  Music,  Numbers,  Action  Words,  A Trip  to the  Moon,  Clothes,  A  job,  Action  Words  และ In School

แต่ละ Topic  จะมีเนื้อหาที่นักเรียนสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้  โดยเนื้อหาในบทเรียนจะเริ่มจากง่ายไปสู่เนื้อหาที่ซับซ้อนขึ้น  แต่มีความสัมพันธ์ต่อเนื่องกันไปเรื่อย ๆ  และมีความลึกซึ้งซับซ้อนและกว้างขวางออกไปตามประสบการณ์ของผู้เรียน

           ๖.  นวัตกรรมที่ ๔  ระบบการวัดและประเมินผลที่เป็นการประเมินผลตามสภาพจริง (Authentic  Assessment)  เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญและมีลักษณะเป็นองค์รวมด้วยเครื่องมือที่มีมาตรฐานอยู่ในรูปแบบแบบทดสอบออนไลน์ (Online  Test)

           ๗.  นวัตกรรมที่ ๕  การบริหารจัดการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาครูท้องถิ่นให้มีทักษะและความสามารถในการสอนภาษาอังกฤษอย่างมีประสิทธิภาพตรงตามจุดหมายของหลักสูตร

               หลักสูตรภาษาอังกฤษพิงกุให้ความสำคัญกับครูที่สอนในหลักสูตรเป็นครูท้องถิ่นของประเทศนั้น ๆ เพราะมีแนวคิดว่านักเรียนในช่วงปฐมวัย  หากเรียนกับครูท้องถิ่นจะใช้เวลาในการปรับตัวให้เข้ากับครูที่สอนได้เร็ว และนักเรียนวัยนี้เป็นวัยเริ่มต้นการเรียนรู้ภาษาที่สอง  หากเกิดข้อสงสัย หรือไม่เข้าใจภาษาอังกฤษ  ก็สามารถซักถาม  ให้ครูอธิบายเป็นภาษาท้องถิ่นให้กับนักเรียนได้  ทำให้นักเรียนรู้สึกไม่กดดันจนเกินไป  เกิดทัศนคติที่ดีต่อการเรียนรู้ภาษาที่สองอย่างเป็นธรรมชาติ  สนุกต่อการเรียนรู้

 

                                                                          ข้อคิดชวนอ่าน....

                ให้ลูกเริ่มเรียน “ภาษาอังกฤษ” เมื่อไรดี ?ในยุคที่ภาษาอังกฤษได้เข้ามามีบทบาทกับการดำเนินชีวิตของคนไทยมากขึ้น เชื่อว่า พ่อแม่ทุกๆ คน อยากให้ลูกใช้ภาษาอังกฤษได้เป็น และใช้ได้ดี แต่การจะพัฒนาทักษะทางภาษาให้ลูกอย่างได้ผลนั้น หลายๆ ท่านอาจมีคำถามว่า แล้วจะให้ลูกเริ่มเรียนเมื่อไรถึงจะใช้ได้ดี และ ใช้ได้เป็น วันนี้เรามีข้อมูลดีๆ  มาฝาก

               “เด็กวัยนี้เรียนรู้ด้วยวิธีการซึมซับจากตัวแบบ ดังนั้น ถ้าครูพูดภาษาอังกฤษกับเด็กในชั้นเรียนสม่ำเสมอ หรือคุณพ่อคุณแม่พูดภาษาอังกฤษที่บ้านเป็นประจำ เด็กก็จะเรียนรู้และมีทักษะภาษาอังกฤษที่ดีได้ไม่ยาก”นอกจากนี้ อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ คือ ควรทำให้เด็กมีเจตคติที่ดีต่อภาษาอังกฤษ ถ้าเด็กเรียนอย่างสนุกสนาน ชอบกิจกรรม อยากไปโรงเรียน นั่นหมายความว่า เด็กเริ่มมีเจตคติที่ดีต่อภาษาอังกฤษแล้ว ดังนั้น เมื่อเด็กเรียนสนุก ใจชอบที่จะเรียน อะไรๆ ก็ง่ายไปหมด

                “เนื่องจากเรากำลังจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน พ่อแม่ผู้ปกครองควรเปิดโอกาสให้เด็กได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษตามวัยที่เหมาะสม และตามศักยภาพของเด็กแต่ละคน แต่ไม่ควรคาดหวังการเรียนรู้ของเด็กสูงเกินไป เพียงแต่ให้เด็กได้ทำความรู้จักกับภาษา เกิดความชอบ ความคุ้นเคย เรียนอย่างสนุกสนาน และอยากไปโรงเรียน เท่านี้ก็เพียงพอสำหรับเด็กปฐมวัยแล้ว”

          

 

          

         

Visitors: 139,007